ทำไมเราต้องประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน

CategoriesLifestyleTagged

ว่ากันด้วยเรื่องของการลงทุนแล้ว…สิ่งที่ทุกๆ ท่านหวังก็คงจะหนีไม่พ้นผลตอบแทนที่ดีกันเป็นแน่ เพราะเรื่องของเงินนั้นเป็นอะไรที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของทุกๆ คนนั้นเองครับ แต่เราจะลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนที่ดีและจะมีแนวทางป้องกันอย่างไรได้บ้าง? บทความนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ทำไมเราต้องประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน” จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยหรือต้องทำแบบไหนนั้น เราไปค้นหาคำตอบกันเล้ย!!

ทำความรู้จักกับตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้นสำหรับการลงทุน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหลักทรัพย์และให้บริการที่เกี่ยวข้อง โดยไม่นำผลกำไรมาแบ่งปันกัน โดยมีบทบาทในการส่งเสริมการออมและการระดมเงินทุนระยะยาว เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยปัจจุบันดำเนินงานของ SET อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยมีการดำเนินงานหลัก ได้แก่ การรับหลักทรัพย์จดทะเบียนและดูแลการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน การซื้อขายหลักทรัพย์และการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ การกำกับดูแลบริษัทสมาชิกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนถึงการเผยแพร่ข้อมูลและการส่งเสริมความรู้ให้แก่ผู้ลงทุน

ทำไมเราต้องประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน

ความเสี่ยงในการลงทุน คือ ความไม่แน่นอนหรือโอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้จากการลงทุนนั้นๆ โดยต้องประเมินความเสี่ยงเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น  ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท หลักๆ

●ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดโดยรวมที่ส่งผลกับราคาสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดนั้น ๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซา อาจส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ มีแนวโน้มลดลง

●ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจนั้น ๆ เช่น ประเภทธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการ ฯลฯ อาจเกิดจากปัจจัยที่กระทบเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือการดำเนินงานภายในของบริษัทเอง ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และทำให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดว่าจะได้รับลดลงตามไปด้วย

●ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการที่เราไม่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ในราคาหรือจำนวนที่ต้องการ

●ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)โดย “เงินเฟ้อ” เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากระดับเงินเฟ้อสูง จะส่งผลให้เงินที่มีอยู่ในมือ นำไปซื้อสินค้าได้น้อยลง หรือที่เรียกว่า “เงินมีมูลค่าลดลง” นั่นเอง

3 หลักการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี

●ลงทุนในทองคำแท่ง

การลงทุนในทองคำแท่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างผลตอบแทนดีเช่นกัน คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับทองรูปพรรณ แต่ทองคำแท่งเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากกว่า เนื่องจากมีค่าบล็อกที่ถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ และราคารับซื้อของทองคำแท่งยังถูกหักน้อยกว่าทองรูปพรรณด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำแท่ง คุณอาจจะต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของราคาทองที่ขึ้นและลงอยู่บ้างนะครับ

●ลงทุนในกองทุนรวม

หากใครที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นมากนักก็ควรหันไปมองการลงทุนด้วยกองทุนรวมดีกว่า  ยิ่งเป็นนักลงทุนมือใหม่ด้วยแล้วลองหันไปมองพวกกองทุนรวมตราสารหนี้ หรือ ตราสารตลาดเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และการลงทุนแบบนี้ ใช้เงินทุกเริ่มต้นเพียง 1,000-2,000 บาท ก็สามารถลงทุนได้ แต่เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับก็จะน้อยตามเงินลงทุนทั่วไปนั่นเองการลงทุนเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ถึงแม้จะมีงบในการลงทุนไม่มากก็สามารถลงทุนได้ โดยอาศัยวินัยทางการเงินของคุณในทุก ๆ เดือน พร้อมกับการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ก็จะช่วยให้ผลตอบแทนจากกาารลงทุนเห็นผลในอนาคตอย่างแน่นอน

● ลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average)

หากใครที่มั่นใจในตัวเองว่า ตนเองนั้นมีวินัยทางการเงินที่ค่อนข้างมาก ก็ลองมาลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือที่รู้จักกันว่า DCA (Dollar Cost Average) ครับ เป็นวิธีที่ลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมเป็นจำนวนเงินเท่ากันในทุก ๆ เดือน คล้ายกับการฝากเงินประจำ เพียงแต่จะมีความเสี่ยงของตลาดหลักทรัพย์แอยู่บ้าง ซึ่งหากคุณศึกษาการลงทุนอย่างดี เลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีโอกาสเติมโต โอกาสจะสร้างผลกำไรก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนแบบ DCA ก็สามารถดูได้ที่นี่เลยครับ มาเริ่มต้นลงทุนด้วยการออมเงินแบบ DCA กันเถอะ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ “ทำไมเราต้องประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน” ที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

About the author